- กลุ่มมีขนาดเล็ก มีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น จึงสามารถปฏิบัติการอย่างลับๆ ได้ง่าย และข่าวสารรั่วไหลได้ยาก
- สมาชิกขององค์กรมีพื้นฐานความเป็นอยู่ เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรมในอดีตที่ไม่แตกต่างกัน จึงมีจุดร่วมที่เหนียวแน่นไม่เกิดความแตกแยก
- การเลือกสมาชิกใหม่เข้าสู่องค์กรจะผ่านการตรวจสอบโดยละเอียด การทาบทามบุคคลเข้าเป็นสมาชิกจะสอดคล้องกับความสมัครใจของผู้ได้รับการทาบทาม ซึ่งจะถูกติดตามดูพฤติกรรม และแนวอุดมการณ์ก่อนเข้าทาบทามอย่างรอบคอบ
- สมาชิกทุกคนจะได้รับการฝึกเรื่องของการรักษาความปลอดภัย และการรักษาความลับของข่าวสารการข่าวกรองในระดับสูงสุด เพราะระบบรักษาความปลอดภัยของข่าวสารและการเฝ้าระวัง จะมีความสัมพันธ์กับขนาด และความอยู่รอดขององค์กรอย่างใกล้ชิด
- ไม่มีรูปแบบเฉพาะที่เป็นมาตรฐานในการติดต่อสื่อสาร เนื่องด้วยลักษณะของกลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งเป็นการระวังป้องกันที่ดีอย่างหนึ่งในการรักษาความปลอดภัยขององค์กร กลุ่มจึงไม่มีการกำหนดรูปแบบการติดต่อสื่อสารที่ตายตัว
จุดมุ่งหมายในการปฏิบัติการของผู้ก่อการร้าย อาจแบ่งออกได้เป็น 5 ประการ องค์กรผู้ก่อการร้ายอาจดำเนินยุทธศาสตร์ใดใดเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมาย หรือวัตถุประสงค์เพียงประการเดียว หรือทั้งหมดก็ได้
- การทำให้เป็นที่รู้จักและสร้างการยอมรับ ซึ่งมักเป็นจุดประสงค์เบื้องต้นเมื่อแรกตั้งองค์กรหรือกลุ่มขึ้นมา โดยจุดมุ่งหมาย อาจต้องการให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล หรือเพียงรู้จักกันในประเทศก็ได้ ซึ่งจุดมุ่งหมาย นี้ ก็จะรวมไปถึงการสร้างความสนใจ สร้างการยอมรับของการกระทำในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ หรือนานาชาติ เพื่อหาสมาชิกใหม่เข้าร่วมองค์กร หาแหล่งเงินทุนสนับสนุน หรือสร้างคะแนนนิยมในหมู่กลุ่มชน และอีกวิธีหนึ่งที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายใช้ ก็คือการดำเนินการทางการเมืองผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ หรือโทรทัศน์
- การบีบบังคับโดยการต่อต้านนโยบายหรือการกระทำของรัฐ จุดมุ่งหมายของผู้ก่อการร้ายในกรณีนี้คือมุ่งให้รัฐบาลทบทวนหรือแก้ไขนโยบายบางอย่าง ซึ่งมักไม่ได้มุ่งเข้าควบคุมอำนาจการปกครองของรัฐบาลโดยทันที ยกตัวอย่างเช่นหากรัฐบาลได้รับรองหรือยอมให้กองกำลังของชาติพันธมิตรเข้ามาตั้งฐานทัพหรือฐานปฏิบัติการในพื้นที่ภายใน ประเทศ กลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ไม่เห็นด้วยกับการยินยอมให้ประเทศอื่นเข้ามาตั้งฐานทัพ หรือกองกำลังในเขตอธิปไตยของชาติก็จะมุ่งโจมตีโดยจำกัดเป้าหมายเพียงรัฐบาลประเทศตนกับกองกำลัง สิ่งก่อสร้างและยุทธปัจจัยของชาติพันธมิตรเท่านั้น
- การบีบบังคับโดยการต่อต้านกลุ่มหรือตัวบุคคล จุดมุ่งหมายนี้มุ่งเน้นที่จะต่อต้านกลุ่มบุคคลมากกว่านโยบาย โดยการสร้างสถานการณ์รบกวน ดำเนินสถานการณ์ให้รัฐเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างยืดเยื้อ จนประชนเกิดความท้อแท้ เบื่อหน่าย ไม่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐต่อไป
- การสร้างสถานการณ์ให้รัฐบาลตอบโต้ กระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเห็นใจ และหันมาให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย อีกทั้งการบีบคั้นให้รัฐบาลตอบโต้ ย่อมส่งผลให้รัฐออกมาตรการกำหนดข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่พอใจของสาธารณชน และยอมรับการปฏิบัติการหรือเข้าเป็นแนวร่วมของกลุ่มก่อการร้ายในที่สุด แต่หากรัฐไม่ใช้วิธีการรุนแรงเข้าตอบโต้ กลุ่มก่อการร้ายก็จะบีบด้วยการปฏิบัติการที่รุนแรงขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐขาดความสามารถในการปกป้องพลเรือน สร้างความหวาดกลัว และทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยของรัฐ จนเป็นสาเหตุให้อำนาจรัฐล่มสลาย
- การสนับสนุนการกบฏ การปฏิวัติ หรือการก่อการร้ายอื่นๆ เป็นจุดมุ่งหมายหนึ่งที่ต้องการกระจายสถานการณ์ความวุ่นวายให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อกดดันให้รัฐต้องทุ่มเทงบประมาณและกำลังพลลงไปในการเฝ้าระวัง คุ้มครองรักษาความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินภายในพื้นที่ต่างๆ จนรัฐตกอยู่ในสถานะอ่อนแอ ไม่มีกำลังมากพอที่จะไปแก้ปัญหา หรือพัฒนาประเทศในด้านอื่นๆ กลุ่มก่อการร้ายก็จะดำเนินการทางการเมืองเข้าแย่งชิงประชาชนและอำนาจรัฐ
- เป้าหมายทางทหาร ได้แก่ ทหาร ที่ตั้งทางทหาร อาวุธ กระสุน/วัตถุระเบิด ศูนย์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
- เป้าหมายทางพลเรือน ได้แก่ ระบบพลังงานและวิศวกรรม (เขื่อน โรงไฟฟ้า บ่อขุดเจาะน้ำมัน ท่อส่งก๊าซ ท่อส่งน้ำมัน โรงน้ำมัน ฯลฯ) และบุคคลสำคัญ เช่น เจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่สถานฑูต
เทคนิคในการก่อการร้ายมีหลายรูปแบบ มีการปรับประยุกต์เปลี่ยนไปตามสถานการณ์โลกตลอดเวลา แต่จากข้อมูลสถิติ จะพบเทคนิคและวิธีการก่อการร้ายหลักๆ ดังนี้
- การลอบสังหาร การลอบสังหาร มักมุ่งให้เกิดผลสองทาง คือ กำจัดสัญลักษณ์หรือบุคคลสำคัญที่เป็นแกนนำการเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้าม § ทำให้บุคคลหรือกลุ่มเป้าหมายเกิดความกลัวและหวาดระแวงตลอดเวลา
- การใช้ระเบิด เป็นวิธีที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายนิยมใช้มากที่สุดวิธีหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิด หรือการใช้ระเบิดพลีชีพ เนื่องจากมีอำนาจในการทำลายรุนแรง สะดวกในการซ่อนพราง ใช้คนในการปฏิบัติการน้อย และยากในการถูกตรวจสอบ เป็นวิธีการที่สามารถกำหนดกรอบของเป้าหมายได้ระดับหนึ่ง โดยกลุ่มเป้าหมายอาจเป็นตัวบุคคล หรือองค์กรหน่วยงานของฝ่ายตรงข้าม ลักษณะเป้าหมายอาจเป็นเป้าหมายเจาะจง เช่น ทหาร ตำรวจ สถานที่ราชการ หรือ เป้าหมายสาธารณะ เช่น รถประจำทาง ศูนย์การค้า ย่านธุรกิจ หรือ สถานพยาบาลก็ได้
- การลักพาตัวเรียกค่าไถ่ ลักษณะการก่อการร้ายด้วยการลักพาตัว เป็นการปฏิบัติการจับยึดบุคคล และกักขังไว้ในที่ลับ เป็นวิธีการเรียกร้องที่มุ่งความสนใจให้ชื่อเสียงขององค์กรเป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมถึงอาจเป็นการต่อรองเจรจาให้ปลดปล่อยเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ถูกกักขัง หรือจำกัดบริเวณโดยกองกำลังของฝ่ายตรงข้าม และอาจเพื่อระดมเงินทุนให้กับองค์กร เพื่อใช้ในการปฏิบัติการก็ได้
- การจัดตั้งตัวแทน เป็นการจัดตั้ง สนับสนุน หรือผลักดันตัวบุคคลสาธารณะที่มีแนวความคิดเดียวกันให้โดดเด่นเป็นที่รู้จักในวงสังคม เพื่อขยายอิทธิพลของแนวความคิดและความเชื่อขององค์กรต่อสาธารณะ
- วิธีการอื่นๆ เช่น การปล้นยึดยานโดยสารเพื่อเรียกร้องและสร้างเงื่อนไขต่อรัฐ การข่มขู่ การจับและกักตัวประกัน ใช้อาวุธ นิวเคลียร์ อาวุธชีวภาพ อาวุธเคมี การวางยาพิษในระบบน้ำอุปโภคบริโภค การสุ่มฆ่า หรือการทำลายระบบสาธารณูปโภคหลัก เช่น ระบบไฟฟ้า การคมนาคมขน-ส่ง ระบบส่งน้ำ